วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

องค์ประกอบการเรียนรู้

                    http://pichaikum.blogspot.com/2008/11/blog-post.html. ได้รวบรวมเกี่ยวกับองค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ไว้ดังนี้
1. ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการที่จะแปลมาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ที่เป็น
ตัวหนังสือให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมน่าสนใจและมีกระบวนการเรียนรู้หลากหลายวิธีอย่างอิสระจะต้องรู้จักเลือกปรับปรุงเทคนิคและวิธีการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียนโดยไม่ใช้วิธีการเดียวควรมีการดัดแปลงและเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเนื้อหาในแต่ละเรื่องเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้
2. ผู้เรียนเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งบุคลิกภาพสติปัญญาความถนัดความสนใจและความสมบูรณ์ของร่างกายผู้เรียนควรมีโอกาสร่วมคิดร่วมวางแผนในการจัดการเรียนการสอนและมีโอกาสเลือกวิธีเรียนได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสมภายใต้การแนะนำของผู้สอน
3. เนื้อหาวิชาต่างๆซึ่งผู้สอนจะต้องจัดเนื้อหาวิชาให้มีความสัมพันธ์กันมีความน่าสนใจเหมาะสมกับวัยระดับชั้นรวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมของการจัดการเรียนรู้
4. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ได้แก่อุปกรณ์ช่วยในการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนรู้ผู้สอนต้องมีวิธีการที่จะจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางวิชาการเช่นจัดห้องชวนคิดห้องกิจกรรมวิทยาศาสตร์จัดระบบนิเวศจำลองจัดบริเวณโรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ทางชีววิทยาธรณีวิทยาฯลฯมีการดัดแปลงห้องเรียนให้นักเรียนทำกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ดีและจัดกิจกรรมที่เอื้อให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย

                  http://kmlibrary.bu.ac.th/. ได้รวบรวมเกี่ยวกับองค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ไว้ดังนี้
ในการจัดการความรู้โดยทั่วไปมีองค์ประกอบที่สำคัญ3ส่วนคือคน (man) เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology-IT) และกระบวนการจัดการความรู้ (process)
1. คน (man)
ในการจัดการความรู้คนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดเนื่องจากคนเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ส่วนบุคคล (personal knowledge management-PKM) คือผู้ซึ่งต้องการจัดการความรู้เพื่อการใช้ประโยชน์กับตัวเองจึงสามารถจัดการทุกอย่างทุกขึ้นตอนได้เองเป็นส่วนใหญ่อาจจะมีบ้างที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่น
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดการความรู้หรือKM Team ขององค์กรอาจแบ่งได้เป็น2ทีมคือทีมหลักหรือทีมถาวร (core team or permanent team) และทีมชั่วคราว (contemporary team)
ทีมหลักหรือทีมถาวรเป็นคณะทำงานที่รับผิดชอบการดำเนินการจัดการความรู้ขององค์กรอย่างต่อเนื่องประกอบด้วยบุคลากร3ฝ่ายได้แก่หัวหน้างานหรือผู้จัดการความรู้ (knowledge champion or senior manager or chief knowledge management-CKO) เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรซึ่งมีบทบาทในการขุดหา (leverage) ความรู้ภายในองค์กรออกมาโดยการใช้โครงการการจัดการความรู้รับผิดชอบในการสร้างวิสัยทัศน์ในสิ่งที่เป็นไปได้ออกแบบกรอบงานที่ให้ผลคุ้มค่าและเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ประสานงานและการจัดให้มีกิจกรรมการจัดการความรู้ทั้งหมดขององค์กรบุคลากรประเภทที่สองได้แก่หัวหน้างาน (Chief Information Officer- CIO) เป็นผู้รับผิดชอบงานทั้งหมดขององค์กรและฝ่ายสุดท้ายของทีมหลักคือตัวแทนจากกลุ่มงานหลักขององค์กร
ส่วนทีมชั่วคราวเป็นคณะกรรมการที่มาจากกลุ่มเฉพาะ (Tiwanna, 2002, p.206) องค์กรต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ขององค์กรคือกลุ่มผู้ใช้ผลผลิตและบริการขององค์กรจึงควรให้บุคคลเหล่านั้นมาเป็นหุ้นส่วนและร่วมกันวางแผนงานให้กับองค์กร (Rumizen, 2002, p.67)
นอกจากทีมงานทั้งสองทีมแล้วบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการจัดการความรู้ขององค์กรอย่างมากคือผู้บริหารสูงสุด (Chief Executive Officer-CEO) โดยปกติจะอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาโครงการจัดการความรู้
2. เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology-IT)
ในเรื่องของการจัดการความรู้นั้นมีงานวิจัยเป็นจำนวนมากที่พยายามอธิบายความสัมพันธ์และบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศกับการจัดการความรู้ดังที่ปรากฎว่าเป็นเรื่องราวจำนวนมากที่แสดงถึงการจัดการความรู้ขององค์กรผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแม้ว่ากระบวนการจัดการความรู้เป็นกระบวนการที่ไม่ใช้เทคโนโลยีแต่เทคโนโลยีก็เป็นที่ถูกคาดหมายว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การจัดการความรู้ประสพความสำเร็จองค์กรส่วนใหญ่จึงมีการจัดสรรงบประมาณในการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการความรู้ขององค์กร (สมชายนำประเสริฐกุล, 2546, p.105)
เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทในการจัดการความรู้ประกอบด้วยเทคโนโลยีในการสื่อสาร (Communication Technology), เทคโนโลยีการทำงานร่วมกัน (Collaboration Technology) และเทคโนโลยีในการจัดเก็บ (Storage Technology)
-          เทคโนโลยีในการสื่อสารช่วยให้บุคลากรสามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นรวมทั้งสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เชียวชาญสาขาต่างๆในการค้นหาข้อมูลสารสนเทศผ่านเครือข่ายได้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตอินทราเน็ตหรือโซเชียลมีเดีย (Social Media
-          เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานร่วมกันช่วยให้สามารถประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพลดอุปสรรคเรื่องของระยะทางตัวอย่างเช่นโปรแกรมกลุ่มgroupware หรือระบบvideo conference เป็นต้น
-          เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บช่วยในการจัดเก็บและจัดการความรู้ต่างๆ
เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนช่วยประสานสนับสนุนและอำนวยความสะดวกกระบวนการจัดการความรู้ทั้ง3ดังนี้
-          การแสวงหาความรู้เป็นการแสวงหาความรู้ทั้งที่เป็นการหยั่งรู้เอง (Tacit Knowledge) ทักษะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลผู้มีประสบการณ์สูงจะมองเห็นแนวโน้มหรือหรือทิศทางความต้องการใช้ความรู้ด้านต่างๆแล้ววางแผนและดำเนินการที่จะจัดหาความรู้นั้นๆมาโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆเป็นเครื่องช่วยประสานและอำนวยความสะดวก
-          การแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้เป็นการเผยแพร่และกระจายความรู้ในเรื่องต่างๆในการนี้การเรียนรู้จากผู้เชียวชาญจะช่วยให้ผู้ดำเนินการจัดการความรู้มือใหม่ผ่านเครือข่ายการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ
-          การใช้ประโยชน์จากความรู้การเรียนรู้จะบูรณาการอยู่ในองค์กรมีอะไรอยู่ในองค์กรสมาชิกองค์กรสามารถรับรู้และประยุกต์ใช้สถานการณ์ใหม่ๆได้ตลอดเวลาทั้งการแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้และการใช้ประโยชน์ความรู้จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
ทั้งการแสวงหาความรู้
อย่างไรก็ตามในความหมายของIT ไมได้หมายถึงเพียงแค่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์เพียงเท่านั้นแต่ในปัจจุบันได้หมายรวมถึงความสำคัญของคนเป้าหมายที่คนวางหรือกำหนดในการใช้เทคโนโลยีนั้นๆคุณค่าในการเลือกใช้เทคโนโลยีตลอดจนเกณฑ์ในการประเมินที่ใช้ในการตัดสินใจในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในงานต่างๆ (Chartrand&Morentzอ้างถึงZorkoczy, 1984, p.12)
3. กระบวนการจัดการความรู้ (Process)
กระบวนการจัดการความรู้เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาของความรู้หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กรมีทั้งหมด7ขั้นตอน
-          การบ่งชี้ความรู้ (Knowledge Identification) เป็นการพิจารณาว่าองค์กรเรามีพันธกิจวิสัยทัศน์เป้าหมายอะไรและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเราต้องใช้อะไรขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้างอยู่ในรูปแบบใดและอยู่ที่ใคร
-          การสร้างและการแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation & Acquisition) เช่นการสร้างความรู้ใหม่แสวงหาความรู้จากภายนอกรักษาความรู้เก่ากำจัดความรู้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
-          การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ (Knowledge Organization) เป็นการวางโครงสร้างความรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต
-          การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification & Refinement) เช่นการปรับปรุงเอกสารให้เป็นรูปแบบมาตรฐานใช้ภาษาในการสื่อสารเป็นภาษาเดียวกันประปรุงเนื้อหาความรู้ให้สมบูรณ์
-          การเข้าถึงความรู้ (Knowledge Dissemination & Access) เป็นการทำให้ผู้ใช้เข้าถึงความรู้อย่างเป็นระบบได้ง่ายและสะดวกขึ้นการกระจายความรู้ให้ผู้อื่นทางช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม
-          การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) เป็นการนำความรู้ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกันด้วยกลยุทธ์ต่างๆเช่นในกรณีเป็นExplicit Knowledge อาจทำเป็นเอกสารฐานความรู้คลังความรู้หรือในกรณีเป็นTacit Knowledge อาจทำเป็นระบบทีมข้ามสายงานกิจกรรมกลุ่มชุมชนแห่งการเรียนรู้และระบบพี่เลี้ยงการสับเปลี่ยนงานการยืมตัวเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นต้น
-          การเรียนรู้และการนำไปใช้งาน (Learning & Utilization) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการการจัดการความรู้เป็นการที่บุคคลเกิดการเรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงานและหมุนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง
                   http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit1/level1-1.html. ได้รวบรวมเกี่ยวกับองค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ไว้ดังนี้การสอนเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของการจัดการศึกษาเพราะเป็นการนำหลักสูตรไปใช้ปฏิบัติให้เกิดผลตามที่มุ่งหวังไว้คุณภาพของการศึกษาจะดีหรือไม่เพียงใดนั้นย่อมเป็นผลโดยตรงจากการสอนเป็นประการสำคัญดังนั้นในการสอนแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาวิชาใดก็ตามควรจะมีองค์ประกอบพื้นฐานของกระบวนการเรียนการสอนดังนี้
          1. จุดมุ่งหมายการสอนก่อนจะเริ่มต้นสอนครูผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรแล้วกำหนดจุดมุ่งหมายของการสอนให้ชัดเจนว่าหลังจากสิ้นสุดการเรียนการสอนแล้วครูผู้สอนประสงค์จะให้นักเรียนเรียนรู้อะไรบ้างและมีความสามารถทำอะไรได้บ้างจุดมุ่งหมายในการสอนควรกำหนดให้อยู่ในรูปของจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม(Behavioral Objectives) ซึ่งสามารถสังเกตได้และวัดได้
          2. พฤติกรรมพื้นฐานของผู้เรียนก่อนที่ครูจะทำการสอนในเรื่องใดหากครูได้ทราบสภาพพื้นฐานของผู้เรียนก่อนก็จะทำให้สามารถจัดกิจกรรมในการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่
          3. การเรียนการสอนเป็นขั้นตอนที่ครูจะทำการสอนในเนื้อหาวิชาจริงๆครูผู้สอนอาจเลือกใช้เทคนิควิธีสอนต่างๆให้เหมาะสมกับวัยและสภาพพื้นฐานของผู้เรียนโดยคำนึงถึงลักษณะของเนื้อหาวิชาด้วยว่าจะแบ่งเนื้อหาวิชาเป็นหน่วยย่อยได้อย่างไรหน่วยย่อยใดควรสอนก่อนหรือหลังและเนื้อหาในแต่ละหน่วยย่อยนั้นจะใช้อุปกรณ์ชนิดใดเข้าช่วย
          4. การวัดและประเมินผลเป็นการตรวจสอบผลการเรียนการสอนเพื่อจะได้ทราบว่าภายหลังจากผ่านการเรียนการสอนแล้วผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ดีขึ้นเพียงไรอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจหรือไม่โดยเทียบกับจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนที่ครูกำหนดไว้ก่อน

สรุป
1. ผู้สอนเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการที่จะแปลมาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ที่เป็น
ตัวหนังสือให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมน่าสนใจและมีกระบวนการเรียนรู้หลากหลายวิธีอย่างอิสระจะต้องรู้จักเลือกปรับปรุงเทคนิคและวิธีการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียนโดยไม่ใช้วิธีการเดียวควรมีการดัดแปลงและเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเนื้อหาในแต่ละเรื่องเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้
2. ผู้เรียนเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งบุคลิกภาพสติปัญญาความถนัดความสนใจและความสมบูรณ์ของร่างกายผู้เรียนควรมีโอกาสร่วมคิดร่วมวางแผนในการจัดการเรียนการสอนและมีโอกาสเลือกวิธีเรียนได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสมภายใต้การแนะนำของผู้สอน
3. เนื้อหาวิชาต่างๆซึ่งผู้สอนจะต้องจัดเนื้อหาวิชาให้มีความสัมพันธ์กันมีความน่าสนใจเหมาะสมกับวัยระดับชั้นรวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมของการจัดการเรียนรู้
4. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ได้แก่อุปกรณ์ช่วยในการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


อ้างอิง
               http://pichaikum.blogspot.com/2008/11/blog-post.html. ได้รวบรวมองค์ประกอบการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 17 กันยายน 2558
               http://kmlibrary.bu.ac.th/ได้รวบรวมองค์ประกอบการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 17 กันยายน 2558
               http://www.ipecp.ac.th/ipecp/cgi-binn/webpili/unit1/level1-1.htmlได้รวบรวมองค์ประกอบการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ 17 กันยายน 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น